• องค์แห่งม้าอาชาไนย [6737-6t]
    Sep 13 2024

    #259 และ 260_ปฐมและทุติยอาชานียสูตร ว่าด้วยองค์ประกอบของม้าอาชาไนย (สูตรที่ 1-2) เป็นเรื่องเกี่ยวกับการอุปมาอุปไมยด้วยม้าอาชาไนยพันธุ์ดี ซึ่งถ้าเปรียบเป็นคน ก็คือผู้ที่ปฏิบัติดีเพื่อเป็นเครื่องออกจากทุกข์ โดยดูจาก

    1. วรรณะ คือ ศีล
    2. กำลัง คือ ความเพียรที่ทำให้กุศลใหม่เกิดที่มีอยู่แล้วให้พัฒนา และอกุศลเดิมให้ลดที่ยังไม่มีอย่าให้เข้ามา
    3. เชาว์ คือ ฝีเท้า (ปัญญา) การรู้ตามความเป็นจริงในอริยสัจสี่ นั่นคือ “การเป็นโสดาบัน” ซึ่งนัยยะของข้อ 260 ดูจากการทำให้แจ้งในเจโต และปัญญาวิมุติ นั่นคือ “อรหัตผล” จะเห็นว่าในระหว่างข้อทั้งสองนี้ ก็คือ อริยบุคคลที่เหลือนั่นเอง
    4. ความสมบรูณ์ด้วยทรวดทรง คือ ความสมบรูณ์ด้วยปัจจัยสี่

    นอกจากนี้ยังทบทวนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงในข้อที่ผ่าน ๆ มากับการอุปมาอุปไมยว่าด้วยม้าอาชาไนยนี้ ม้าทุกตัวต้องผ่านการฝึก คนจะเป็นอริยบุคคลได้ก็ต้องฝึกเช่นกัน

    #261_พลสูตร ว่าด้วยพละ พละคือกำลัง บุคคลที่ประกอบด้วยพละ 4 นี้ จึงจะมีกำลังใจ คือ วิริยะพละ = ความเพียร 4 / สติพละ = สติปัฏฐาน 4 / สมาธิพละ = ฌานทั้ง 4 / ปัญญาพละ = ชำแรกกิเลส ซึ่งพละ 4 นี้ ต่างจากพละ 5 ตรงที่ไม่มีข้อของศรัทธา

    #262_อรัญญสูตร ว่าด้วยธรรมของภิกษุผู้ควรอยู่ป่าและไม่ควรอยู่ป่า ถ้ามี 4 ข้อนี้แล้วไม่ควรอยู่ เพราะไปอยู่แล้วก็ไม่เป็นตาอยู่ หรืออยู่แล้วฟุ้งซ่าน และถ้าขาดกัลยาณมิตรแนะนำจะจิตแตกได้ แต่ถ้าทำเป็นแล้วรู้วิธีการ และไม่มีใน 4 ข้อนี้ ก็สามารถอยู่ได้ คือ ตริตรึกในทางกาม ความพยาบาท ความคิดในทางเบียดเบียน และเป็นคนเซอะ

    #264_กัมมสูตร ว่าด้วยกรรมและทิฏฐิที่มีโทษ เปรียบเทียบอสัตบุรุษและสัตบุรุษโดยดูจากกายกรรมที่มีโทษ วจีกรรมอันมีโทษ มโนกรรมอันมีโทษ และทิฏฐิที่มีโทษ

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต อภิญญาวรรค กัมมปถวรรค


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    55 mins
  • ธรรมเปรียบด้วยเครื่องป้องกันนคร [6736-6t]
    Sep 6 2024
    #67_นคโรปมสูตร ว่าด้วยธรรมเปรียบด้วยเครื่องป้องกันนคร เป็นการอุปมาเปรียบเทียบระหว่างนครหัวเมืองชายแดนที่มีการสร้างเครื่องป้องกันนคร 7 ประการ และมีความสมบูรณ์ของอาหาร 4 อย่าง อุปไมยลงในกายและใจที่ประกอบไปด้วยสัทธรรม 7 ประการ และ ฌานทั้ง 4 การเปรียบเทียบอุปมาอุปไมยเครื่องป้องกันนคร 7 ประการ และ อาหาร 4 อย่าง คือ1. มีเสาระเนียดขุดหลุมฝังลึกไว้เป็นอย่างดี เปรียบได้กับ เป็นผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้วเป็นอย่างดี2. มีคูลึกและกว้าง เปรียบได้กับ เป็นผู้มีหิริ (ความละอายต่อบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย)3. มีทางเดินได้รอบ ทั้งสูงและกว้าง เปรียบได้กับ เป็นผู้มีโอตตัปปะ (ความกลัวต่อบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย)4. มีการสะสมอาวุธไว้มาก เปรียบได้กับ ความเป็นพหูสูต แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ5. มีกองพลตั้งอาศัยอยู่มาก เปรียบได้กับ การปรารภความเพียร 6. มีทหารยามฉลาด คอยกันคนที่ไม่รู้จักไม่ให้เข้าไป ให้คนที่รู้จักเข้าไป เปรียบได้กับ “สติ”7. มีกำแพงสูงและกว้าง เปรียบได้กับ ปัญญาเห็นทั้งความเกิดและความดับ คอยชำแรกกิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบอาหาร 4 อย่าง ได้แก่ 1) หญ้า ไม้ น้ำ 2) ข้าว 3) อปรัณณชาติ (ธัญพืช) 4) เภสัช เปรียบได้กับ ฌาน 1-4 นครที่มีเครื่องป้องกันนครทั้ง 7 ประการ และได้อาหารทั้ง 4 อย่างนี้แล้วชึ้นชื่อว่า “ศัตรูหมู่ปัจจามิตรภายนอกทำอะไรไม่ได้” เปรียบได้กับอริยสาวกที่ประกอบด้วยสัทธรรม 7 ประการ และได้ฌาน 4 ขึ้นชื่อว่า “มารมีบาปก็ทำอะไรไม่ได้” อีกพระสูตรที่น่าสนใจซึ่งมีเนื้อหาทำนองเดียวกัน คือ กึสุกสูตร หรือ กิงสุโกปมสูตร ว่าด้วยอุปมาด้วยต้นทองกวาว คือ ช่วงแรก มีการอุปมาเปรียบเหตุที่ทำให้บรรลุธรรมกับลักษณะของต้นทองกวาว และช่วงที่สอง อุปมาเปรียบ “นครกับกาย” ซึ่งประกอบขึ้นจากมหาภูตรูป 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม) มี 6 ประตู คือ อายตนะภายใน 6 ประการ / นายประตู คือ สติ / ราชทูต 2 นาย คือ สมถะและวิปัสสนา / เจ้าเมือง คือ วิญญาณ / ทางสี่แยกกลางเมือง คือ ธาตทั้ง 4 / พระราชสาส์นตามความเป็นจริง คือ นิพพาน / ทางตามที่ตนมา คือ อริยมรรคมีองค์ 8 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต มหาวรรค Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information...
    Show more Show less
    56 mins
  • ดวงอาทิตย์ 7 ดวง [6735-6t]
    Aug 30 2024

    #65_หิริโอตตัปปสูตร ว่าด้วยผลแห่งหิริและโอตตัปปะ เป็นธรรมที่แสดงถึงความเป็นเหตุและผลเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน คือ “เมื่อมีสิ่งนี้... สิ่งนี้จึงมี และเมื่อไม่มีสิ่งนี้... สิ่งนี้จึงไม่มี” ได้แก่

    1. เมื่อมี หิริและโอตตัปปะ เป็นเหตุให้มี อินทรียสังวร
    2. เมื่อมี อินทรียสังวร เป็นเหตุให้มี ศีล
    3. เมื่อมี ศีล เป็นเหตุให้มี สัมมาสมาธิ
    4. เมื่อมี สัมมาสมาธิ เป็นเหตุให้มี ยถาภูตญาณทัสสนะ
    5. เมื่อมี ยถาภูตญาณทัสสนะ เป็นเหตุให้มี นิพพิทาและวิราคะ
    6. เมื่อมี นิพพิทาและวิราคะ เป็นเหตุให้มี ข้อที่ 7. คือ วิมุตติญาณทัสสนะ

    เมื่อจะแสดงเหตุแห่งความไม่มี (ความดับ/เสื่อม) ก็ได้แสดงไว้ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

    #66_สัตตสุริยสูตร ว่าด้วยดวงอาทิตย์ 7 ดวง โลกใบนี้มีการเปลี่ยนแปลง (เกิด-ดับ) อยู่ตลอดเวลา ทุกๆการเกิดขึ้นของสิ่งหนึ่งย่อมมีผลต่อสิ่งหนึ่ง ในพระสูตรนี้ได้กล่าวถึงการกำเนิดของดวงอาทิตย์ทั้ง 7 ดวง ซึ่งเป็นช่วงขาลงของโลกที่จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ (สังวัฏฏกัป) ไปจนถึงต่ำสุดแล้วค่อยดีดตัวขึ้นมา (วิวัฏฏกัป) วนเวียนเกิดดับอยู่อย่างนี้เป็นระยะเวลาที่แสนยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด สังขารทั้งปวงจึงเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา มีความไม่เที่ยง มีความไม่ยั่งยืน ไม่มีแก่นสาร ไม่ใช่เราไม่ใช่ของๆเรา จึงเพียงพอแล้วหรือยังที่จะเบื่อหน่าย ที่จะคลายกำหนัด ที่จะปล่อยวางความยึดถือในสังขารทั้งปวง?

    ได้ปรารภ “ครูสุเนตตะ” ซึ่งผลจากการที่ได้เคยเจริญพรหมวิหารไว้ หลังจากการตายจึงทำให้ได้ไปเสวยสุขอยู่บนพรหมโลก แต่ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ไปได้อยู่ดี และได้แสดงธรรม 4 ประการ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติที่เมื่อแทงตลอดด้วยดีแล้วจะมีนิพพานเป็นที่หวังได้


    พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต มหาวรรค หิริโอตัปปสูตร


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    54 mins
  • นิวรณ์ 5 ธรรมเครื่องกั้น [6734-6t]
    Aug 23 2024

    ในข้อ 51 และ 52 เป็นเรื่องเกี่ยวกับนิวรณ์และการแก้ไข "นิวรณ์" หมายถึง เครื่องกั้น เครื่องลวง เครื่องห่อ เครื่องหุ้มเอาไว้ บังเอาไว้ ครอบงำจิต บังจิต หุ้มห่อจิต รัดรึงจิต เพื่อไม่ให้เกิดปัญญา เหมือนมีสนิมเคลือบที่มีดทำให้ไม่คม องค์รวมของมัน คือทำจิตให้ไม่มีกำลังปัญญา มีนิวรณ์ที่ใดที่นั้นไม่มีสมาธิ นิวรณ์มี 5 อย่าง คือ

    1. กามฉันทะ คือ ความพอใจในกาม: กามหรือกิเลสกาม คือ ความกำหนัดยินดีลุ่มหลงในวัตถุกาม วัตถุกาม คือ วัตถุที่สามารถทำให้เกิดความกำหนัดยินดี ในแต่ละคนจะไม่เหมือนกันความหยาบละเอียดต่างกันอยู่ที่กำลังจิตของคนนั้นๆ กามฉันทะ คือ ความพอใจในกาม เป็นสิ่งที่เกิดก่อนกามกิเลส กามฉันทะทำให้เกิดกิเลสกามได้ทั้งสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และสิ่งที่กำลังจะมาถึง จึงต้องมีสติอยู่เสมอ
    2. ความพยาบาท คือ ความคิดร้ายผูกเวร ถ้าเราสร้างรติในที่ใด ก็จะมีอรติในอีกที่หนึ่งเสมอ แล้วจะไล่มาเป็นปฏิฆะ โกธะ โทสะ และพยาบาทในที่สุด
    3. ถีนมิทธะ คือ ความหดหู่ ความเซื่องซึม แก้ด้วยวิธีทั้ง 8 และสติสัมโพชฌงค์ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์
    4. อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ แก้ด้วยปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ และการสำรวมอินทรีย์
    5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเล เคลือบแคลง สงสัย คำถามทุกคำถามไม่ได้จะเป็นวิจิกิจฉาทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ศรัทธา

    ในข้อที่ 53 ถ้าเราจะทำความเพียรเพื่อให้เกิดผล คือ สติ และปัญญา ต้องมีคุณสมบัตินี้ คือ มีศรัทธา มีอาพาธน้อย ไม่มีมายา มีความเพียร มีปัญญา

    และในข้อที่ 54 เป็นการเปรียบเทียบในสมัยที่จะทำความเพียรได้ผลมากหรือน้อย โดยมีความสัมพันธ์กับข้อที่ 52 คือ สมัยที่เป็นคนแก่ มีอาพาธ ข้าวยากหมากแพง มีการปล้น สมัยที่ภิกษุแตกกัน จะเห็นว่าสมัยเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังโชคดีที่ยังมีช่องให้ผ่านไปได้

    พระสุตตันตปิฏก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต: นีวรณวรรค ข้อที่ 51-54


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    57 mins
  • บุคคลผู้มักโกรธ [6733-6t]
    Aug 16 2024

    #62_เมตตสูตร ว่าด้วยการเจริญเมตตาจิต พระผู้มีพระภาคได้ทรงกล่าวถึงอานิสงส์แห่งการเจริญเมตตาจิตว่ามีอานิสงส์มาก โดยพระองค์เองนั้นได้เคยเจริญเมตตาจิตตลอดระยะเวลา 7 ปี และด้วยอานิสงส์นี้ทำให้พระองค์ได้เสวยสุขอยู่ในชั้นพรหมไม่ได้กลับมาสู่โลกนี้อีกตลอด 7 สังวัฏฏกัปและวิวัฏฏกัป ทรงเป็นมหาพรหมเป็นท้าวสักกะและได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีรัตนะ 7 ประการ


    #63_ภริยาสูตร ว่าด้วยภรรยา 7 ประเภท โดยปรารภนางสุชาดาซึ่งเป็นน้องสาวของนางวิสาขา นางสุชาดามีอุปนิสัยดื้อรั้น พระผู้มีพระภาคจึงรับสั่งเรียกนางมาและกล่าวถามนางว่า “ ในภรรยาทั้ง 7 ประเภทนี้ นางเป็นภรรยาประเภทไหน ” นางสุชาดาไม่เข้าใจความหมายแห่งภาษิตนั้น จึงได้ทูลขอให้พระผู้ภาคโปรดแสดงธรรมนั้นแก่นาง และหลังจากที่นางได้ฟังธรรมนั้นแล้วทำให้นางตั้งอยู่ในศีลและได้ทูลตอบพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ นางเป็นภรรยาดุจทาสี ” คือ ถูกทำให้โกรธก็ไม่โกรธอดทนได้ สงบเสงี่ยมประพฤติตามอำนาจสามี


    #64_โกธนสูตร ว่าด้วยบุคคลผู้มักโกรธ ความโกรธนั้นอาจเริ่มต้นมาจากปฏิฆะ (ความขัดเคือง) เป็นโทสะแล้วเพิ่มระดับขึ้นมาเป็น โกธะ คือ ความโกรธ เมื่อเราโกรธใครแล้วเราย่อมคิดไม่ดีกับบุคคลนั้น ความคิดให้เขาได้ไม่ดีนั้นนั่นแหละมันเป็นพิษร้ายทำลายตัวเราเอง และในทั้ง 7 ประการนี้เราได้ความไม่ดีนั้นก่อนเลยเพราะความโกรธมันเริ่มที่เราอยู่ในเรา ผู้มักโกรธจึงมักมีผิวพรรณหยาบ อยู่เป็นทุกข์ ไม่เจริญ เสื่อมทรัพย์ เสื่อมยศ เสื่อมมิตร ไปอบาย แก้ไขความโกรธด้วยจิตที่เมตตาหรือมีพรหมวิหาร


    พระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 15 [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต


    --------------------------------------------------------------------

    Q&A: นิพพานในขณะมีชีวิต / การนับอายุพรรษาของสมณเพศ

    นิพพาน คือ ความดับเย็น – ความดับสนิทแห่งกิเลส นิพพานมี 2 ประเภท คือ สอุปานิเสสนิพพาน (ยังมีชีวิต) และ อนุปาทิเสสนิพพาน (ธาตุขันธ์ดับ)


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    56 mins
  • อุบายแก้ความง่วง [6732-6t]
    Aug 9 2024

    #58_อรักเขยยสูตร ว่าด้วยฐานะที่พระตถาคตไม่ต้องรักษา ก็เพราะด้วยพระตถาคตนั้นมีความประพฤติทางกาย-วาจา- ใจและอาชีวะที่บริสุทธิ์อยู่แล้วจึงไม่ต้องอาศัยใครให้คอยมาช่วยปิดบังรักษาอะไรให้ และเป็นผู้ที่มีความแกล้วกล้าในธรรมที่ตนได้ประกาศไว้ดีแล้วเพราะตัวเองก็ทำได้ด้วย ผู้ที่ตนบอกสอนก็ทำได้ด้วยและก็มีจำนวนไม่ใช่น้อยแต่มีเป็นจำนวนมากมาย จึงไม่หวั่นกลัวต่อคำพูดหรือคำติเตียนใดๆ เพราะด้วยธรรมที่ตนได้ปรพฤติไว้บริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว


    #59_กิมิลสูตร ท่านพระกิมิละได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นานและไม่ได้นาน ซึ่งเหตุที่ทำให้ตั้งอยู่ได้นานนั้นคือ การเป็นผู้มีความเคารพยำเกรงในศาสดา / ธรรม / สงฆ์ / สิกขา / สมาธิ / ความไม่ประมาท / ปฏิสันถาร (บอกสอนต่อ) และเหตุที่ทำให้เสื่อมคือ การไม่มีความเคารพยำเกรง...ฯ


    #60_สัตตธัมมสูตร ว่าด้วยธรรม 7 ประการ ที่เป็นเหตุให้บรรลุวิมุตติ คือ เป็นผู้มีศรัทธา / มีศีล / เป็นพหูสูต / เป็นผู้หลีกเร้น ทั้งภายนอกและภายใน / ปรารภความเพียร / มีสติ / มีปัญญา


    #61_จปลายมานสูตร ว่าด้วยอุบายแก้ความง่วง พระผู้มีพระภาคทรงทอดพระเนตรด้วยตาทิพย์เห็นท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังนั่งง่วงอยู่ จึงทรงให้อุบายแก้ง่วงแก่ท่านพระโมคคัลลานะไว้ถึง 7 ลำดับขั้นด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ไม่ให้มนสิการถึงสัญญาที่ทำให้ง่วงนั้น / ให้ตรึกตรองพิจารณาธรรม / สาธยายธรรม / ยอนช่องหูทั้ง 2 ข้าง ใช้มือบีบนวดตัว / ลุกขึ้นยืน ใช้น้ำลูบตา เหลียวดูทิศทั้งหลาย / นึกถึงแสงสว่างในเวลากลางวัน / เดินจงกรม แต่ถ้ายังละไม่ได้จากที่กล่าวมาแล้วก็พึงสำเร็จสีหไสยา



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    58 mins
  • ปัญหาของท่านพระอนุรุทธะ [6731-6t]
    Aug 2 2024

    5 พระสูตรสุดท้ายในกุสินารวรรค ทุติยอนุรุทธสูตร เป็นพระสูตรที่น่าสนใจ ทำไมการหลุดพ้นจึงเกิดขึ้นไม่ได้แม้ในผู้ที่มีสมาธิชั้นยอด ทำไมความสามารถในการตรวจโลกธาตุ 1000 จึงเป็นมานะ มีความเป็นตัวเราอยู่ ในสมาธิถ้าบำเพ็ญเพียรมากไป จึงกลายเป็นความฟุ้งซ่าน ดุจไฟที่มากเกินก็ทำให้ทองสุกเกินควร และทำไมอาสวะไม่สามารถละได้ด้วยสมาธิ แต่จะละได้ด้วยปัญญา การละ 3 ข้อนี้ จึงจะเข้านิพพานได้

    ปฏิจฉันนสูตร น่าสนใจตรงที่มนต์ของพราหมณ์ ท่านใช้คำว่ายิ่งปกปิดยิ่งขลัง แต่ในคำสอนตถาคตใช้ว่าเปิดเผยจึงเจริญ ในเลขสูตร รอยขีดบนหินดินและน้ำ ที่เปรียบเหมือนจิตที่มีความโกรธความสะสมต่างกัน จิตที่ฉลาด คือ จิตที่เป็นดั่งน้ำ อดทนมั่นคง เห็นความสามัคคีมีค่ามากกว่าคำด่า

    กฏุวิยสูตร ทำไมการมีศีลสมบรูณ์จึงทำให้แมลงวันไม่ตอม แมลงวันคือความดำริที่เกี่ยวด้วยราคะ / ของเน่าคืออภิชฌา (ความโลภ) / กลิ่นเหม็นคาวคือพยาบาท

    ปฐมอนุรุทธสูตร ธรรม 3 ประการ ที่ทำให้ผู้หญิงไปอบายภูมิ ได้แก่ มีใจกลุ้มด้วยความตระหนี่ ความริษยา กามราคะ ถ้าละเสียได้จะพ้นทุกข์ ละได้ด้วยการให้สละออก มีมุทิตา และพิจารณาอสุภะ

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต กุสินาวรรค


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    52 mins
  • เหตุแห่งการหยั่งรู้ว่าใครมีอุปาทานเหลือ [6730-6t]
    Jul 26 2024

    ติสสพรหมสูตร เทวดา 2 องค์ มาพบพระพุทธเจ้าแล้วกล่าวว่า ภิกษุณีได้หลุดพ้นด้วยดีแล้ว ไม่มีอุปาทานขันธ์เหลือ พระโมคคัลลานะสงสัยว่าเทวดาผู้ใดมีญาณหยั่งรู้ว่าบุคคลผู้ใดมีอุปาทานขันธ์เหลือ จึงไปยังพรหมโลกเพื่อสนทนากับติสสพรหม ติสสพรหมตอบว่าเทวดาชั้นพรหมเหล่าใดที่ยังยินดีด้วยอายุ วรรณะ สุข ยศ และความเป็นอธิบดีของพรหม แต่ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกไปอย่างยิ่งแห่งอายุ ย่อมไม่มีญาณหยั่งรู้ว่าผู้ใดยังมีอุปาทานขันธ์ ส่วนเทวดาชั้นพรหมเหล่าใดไม่ยินดีและรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกไปอย่างยิ่งแห่งอายุ ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าผู้ใดยังมีอุปาทานขันธ์ แบ่งตามประเภทดังนี้ อุภโตภาควิมุติ ปัญญาวิมุติ กายสักขี ทิฏฐิปัตตะ สัทธาวิมุติ ธัมมานุสารี พระโมคคัลลานะกลับมาทูลพระพุทธเจ้าถึงการสนทนา พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงบุคคลที่ 7 ให้แก่พระโมคคัลลานะว่า ภิกษุผู้เป็นอนิมิตตวิหารี ย่อมบรรลุเจโตสมาธิอันหานิมิตมิได้ เพราะไม่ใส่ใจถึงนิมิตทั้งปวงอยู่ เทวดาเหล่านั้นย่อมมีญาณหยั่งรู้อย่างนี้


    สีหเสนาปติสูตร เป็นพระสูตรที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงผลแห่งการทำทานที่สามารถเห็นได้ด้วยตนเอง ซึ่งประกอบด้วย ผู้ให้ทานจะเป็นที่รักและพอใจของคนหมู่มาก ผู้สงบจะคบหาผู้ให้ทาน กิตติศัพท์อันงามของผู้ให้ทานจะขจรไป ผู้ให้ทานจะเข้าไปในบริษัทใด ๆ ด้วยความแกล้วกล้า ไม่เก้อเขิน หลังจากตายแล้วผู้ให้ทานจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ซึ่งใน 6 ข้อแรก สีหเสนาบดีประจักษ์ด้วยตน ยกเว้นในข้อสุดท้าย


    พระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 15 [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    57 mins