• อุนุปุพพิกถา เรื่องของ เนกขัมมะ การหลีกออกจากกาม [6731-3d]
    Jul 30 2024

    เนกขัมมะ ธรรมข้อสุดท้ายในอนุปุพพิกถาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตามลำดับเพื่อเป็นแนวทางให้ไปถึงโลกุตระได้

    ‘เนกขัมมะ’ หมายถึง การหลีกออกจากกาม ได้แก่ ฌานสมาธิในขั้นต่างๆ

    การจะทำให้จิตน้อมไปในทางหลีกออกจากกามได้นั้น ต้องฝึกจิตให้พิจารณาเห็นบ่อยๆ ถึงคุณและโทษของกามว่า มีคุณน้อยแต่โทษมากขนาดไหนเมื่อเทียบกับเนกขัมมะที่มีคุณมากแต่โทษน้อยนิดเดียว

    อย่างไรก็ตาม สมาธิแม้ว่าจะได้บ้างไม่ได้บ้าง การตั้งจิตดำริ ‘คิดที่จะหลีกออกจากกาม’ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องตั้งไว้เสมอ

    “เนกขัมมะ” ทางสายกลาง เป็นหนึ่งในบารมี 10 ทัศ เป็นทางออกทางเดียว เพื่อการดับโทษของกาม เพื่อความสงบสุขจากในภายใน เพื่อความรู้ยิ่งรู้พร้อม ถึงสัมโพธิญาณได้

    Timestamp

    [00:01] พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ทรงดำริออกจากกาม

    [08:58] เนกขัมมะ การหลีกออกจากกาม

    [10:44] เนกขัมมะ ทางสายกลาง

    [22:44] ความสุขจากกาม กับ เนกขัมมะ

    [25:27] ฌาน ๑

    [27:22] ทุกข์ของสมาธิ

    [30:19] อานิสงค์ของเนขขัมมะ

    [35:05] โยนิโสมนัสสิการ

    [48:14] ฌานที่ ๒-๓

    [50:34] ฌาน ๔

    [52:39] ความดำริ คิดนึกที่จะออกจากกาม


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    58 mins
  • กามโภคีบุคคล : บุคคลผู้บริโภคกาม [6730-3d]
    Jul 23 2024
    กามโภคีบุคคล:บุคคลผู้บริโภคกาม เป็นผู้ที่ยังอยู่ในกระแสโลกจะเป็นผู้ที่ถูกบีบคั้นด้วยกามเสมอ ในการกล่าวถึงเรื่องของทางโลกนั้นก็ใช้คำว่ากามมาอธิบายเป็นหลักโดยในที่นี้จะกล่าวถึง กาม 2 อย่าง กาม 5 อย่าง และกามโภคีบุคคล 10 อย่างกาม 2 อย่างได้แก่ 1.กิเลสกาม 2.วัตถุกาม กาม 5 อย่าง คือ กามคุณ 5 ส่วนที่น่าปรารถนาน่าใคร่ มี 5 อย่างคือ รูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกาย) ที่น่าใคร่ น่าพอใจกามโภคี 10 แบ่งกลุ่มตามการแสวงหา ดังนี้กลุ่มที่แสวงหาโดยไม่ชอบธรรม 1.ได้ทรัพย์มาแล้วไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุขทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปันและไม่ใช้ทรัพย์ทำความดี 2.ได้ทรัพย์แล้วเลี้ยงตนให้เป็นสุขแต่ไม่เผื่อแผ่จ่ายแบ่งปันและไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี 3. ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุขทั้งเผื่อแผ่แบ่งปันและใช้ทรัพย์นั้นทำความดี กลุ่มที่แสวงหาโดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง 4.ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ไม่เผื่อแผ่แบ่งปันและไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี 5.ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุขแต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปันและไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี 6.ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุขทั้งเผื่อแผ่แบ่งปันและใช้ทรัพย์นั้นทำความดี กลุ่มที่แสวงหาโดยชอบธรรม7.ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ไม่เผื่อแผ่แบ่งและไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี 8.ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปันและไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี 9. ได้ทรัพย์มาแล้วเลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปันและใช้ทรัพย์ทำความดี แต่ยังติดยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติโดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระเป็นนายเหนือโภคทรัพย์ กลุ่มพิเศษ: แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มิจิตใจเป็นอิสระ 10.ผู้ที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้วเลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปันและใช้ทรัพย์นั้นทำความดีไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติโดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
    Show more Show less
    58 mins
  • กามโภคีสุข 4 : สุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมี [6729-3d]
    Jul 16 2024
    สุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมีหรือความสุขของคฤหัสถ์ 4 ประการ คือ กามโภคีสุข 4 ได้แก่1.อัตถิสุข : ความสุขเกิดจากความมีทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงความขยันหมั่นเพียรของตน และโดยชอบธรรม2.โภคสุข : ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้น เลี้ยงชีพ เลี้ยงผู้ควรเลี้ยง และบำเพ็ญประโยชน์3.อนณสุข : ความสุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนเป็นไท ไม่มีหนี้สินติดค้างใคร4.อนวัชชสุข : ความสุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใครๆ ติเตียนไม่ได้ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจบรรดาความสุข 4 อย่างนี้ อนวัชชสุข มีค่ามากที่สุด การจะเกิดความสุขประการที่4 คืออนวัชชสุข นั้นมีธรรมอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ธรรมที่ว่าด้วยการค้าขายที่ไม่ควรค้าขาย 5 ประการตามนัยยะที่มาในวนิชชสูตร คือ 1.ค้าอาวุธ 2.ค้าสัตว์เป็น 3.ค้าเนื้อสัตว์ 4.ค้าสุรา 5.ค้ายาพิษ การค้าขาย 5 ประการนี้พระพุทธเจ้าบอกว่า เป็นอกรณียกิจ ไม่ควรทำนอกจากนี้ยังมีธรรมอีกหนึ่งหมวดที่นำมาปฏิบัติแล้วจะส่งเสริมให้เกิดสุขอันชอบธรรมแก่ผู้ครองเรือนได้ คือ กุลจิรัฏฐิติธรรม 4 : หลักธรรมที่ทำให้ครอบครัวเจริญมั่งคั่งอยู่ได้นานได้แก่ 1.หาของที่หายไป 2.ซ่อมแซมของที่ชำรุดเสียหาย 3.ประมาณตนในการบริโภค 4.ดำรงชีพด้วยการมีศีลธรรม Time stamp [00:56] ปฏิบัติภาวนา อานาปานสติ และแผ่เมตตา[12:51] คฤหัสถ์ คือ ผู้ครองเรือน[13:29] กามโภคีสุข 4 : สุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมี[15:07] อัตถิสุข : สุขเกิดจากความมีทรัพย์[23:31] โภคสุข : สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์[29:05] อนณสุข : สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้[33:54] อนวัชชสุข : สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ[41:51] กุลจิรัฏฐิติธรรม 4 : หลักธรรมที่ทำให้ครอบครัวเจริญมั่งคั่ง[49:19] เปรียบเทียบความสุขของ คฤหัสถ์ กับ นักบวช Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
    Show more Show less
    55 mins
  • วิมุตติสู่นิพพาน [6728-3d]
    Jul 9 2024

    การที่จะนำธรรมะมาปฏิบัติจนเกิดเป็นผลขึ้นทางปัญญาได้นั้น มีขั้นตอน และกระบวนการในการปฏิบัติ โดยได้ยกหัวข้อธรรม “วิมุตติสูตร” มาอธิบายประกอบการปฏิบัติ เพื่อให้เห็นขั้นตอน และกระบวนการในการหยั่งลงสู่อมตธรรม

    ในวิมุตติสูตรนั้นจะประกอบไปด้วยธรรม 5 ข้อ ที่แตกต่างกัน แต่มีลำดับขั้นตอนการปฏิบัติที่จะให้เกิดผลเป็นวิมุตติสู่นิพพานได้เหมือนกัน ธรรม 5 ข้อนั้นได้แก่ 1. การได้ฟังธรรม 2. การอธิบายบอกสอน 3. การสัชฌายะ 4. การใคร่ครวญธรรม 5. การทำสมาธิ

    กระบวนการสู่การหลุดพ้น มีอยู่ 6 ขั้นตอน เริ่มจาก เข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม แทงตลอดด้วยดี -> เกิดปราโมทย์ -> เกิดปีติ -> กายสงบระงับ -> เสวยสุข -> จิตย่อมตั้งมั่น (ฌาน) และเมื่อมาถึง 6 ขั้นตอนนี้แล้วก็เข้าสู่วิมุตติ คือ ความพ้นจากผัสสะ พ้นจากกิเลส เกิดความรู้เป็นวิชชา และวิมุตติ มีปัญญาปล่อยวาง สู่นิพพาน


    Timestamp

    [00.22] ปฏิบัติภาวนา เจริญอานาปานสติ จาคานุสสติ สีลานุสสติ เทวตานุสสติ

    [12.37] ความสำคัญของสมาธิ

    [14.38] เหตุ 5 ประการ สู่ความหลุดพ้น

    [14.45] การได้ฟังธรรมะ

    [17.39] การอธิบาย บอกสอนข้อธรรมะ

    [17.59] การสัชฌายะ

    [19.15] การได้ไตร่ตรองข้อธรรมะ

    [20.01] การทำสมาธิ

    [42.58] วิชา วิมุตติ

    [45.38] นิพพาน


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    53 mins
  • ธรรมเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า [6727-3d]
    Jul 2 2024

    หมวดธรรม 4 ประการ 2 อย่าง ที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ได้แก่

    สัมปรายิกัตถสังวัตตนิกธรรม 4 คือ ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า

    1.สัทธาสัมปทา : ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือความมั่นใจในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    2.สีลสัมปทา : ความถึงพร้อมด้วยศีล คือศีล 5 ที่ตั้งขึ้นด้วยเจตนางดเว้น

    3.จาคสัมปทา : ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ คือสละสิ่งของ สละกิเลส

    4.ปัญญาสัมปทา : ความถึงพร้อมด้วยปัญญา คือปัญญาที่เข้าใจในความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ

    บางครั้งการจะพัฒนาจิตใจให้ก้าวหน้านั้นอาจต้องพบเจออุปสรรค มีธรรมอีกหมวดหนึ่งที่เรานำมาใช้ร่วมกันแล้วจะสนับสนุนให้ชีวิตเราเจริญ คือ อปัสเสนธรรม 4 คือธรรมดุจเป็นพนักพิง ธรรมเป็นที่พึ่งพิงอาศัย ได้แก่

    1.พิจารณาแล้วเสพ ได้แก่ สิ่งของปัจจัย 4

    2.พิจารณาแล้วอดทน อดกลั้น ได้แก่ อนิฏฐารมณ์ต่างๆ มีหนาว ร้อน และทุกขเวทนาเป็นต้น

    3. พิจารณาแล้วเว้นเสีย ได้แก่ สิ่งที่เป็นโทษก่ออันตรายแก่ร่างกาย และ จิตใจ

    4. พิจารณาแล้วบรรเทาเสีย ได้แก่ สิ่งที่เป็นโทษและเกิดขึ้นแล้ว เช่น อกุศลวิตก มีกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก เป็นต้น

    หมวดธรรม 4 ข้อ ของ 2 นัยยะที่ยกมานี้คือธรรมที่จะสนับสนุนเกื้อกูลให้การพัฒนาจิตของเรานั้นก้าวหน้าขึ้นมาได้


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    57 mins
  • กิจจญาณ : กิจที่ควรทำในอริยสัจ4 [6726-3d]
    Jun 25 2024

    ความจริงโดยทั่วๆ ไปที่เป็นข้อเท็จจริง ตามสมมุติของโลกนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขปัจจัยตามบริบทของสังคมหรือเวลา เช่น ข่าว งานวิจัย สิ่งของ เสื้อผ้า ที่สมมุติเรียกตามบริบทของเวลานั้น แต่อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 อย่างนี้ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แสดงถึง สัจธรรมความจริง ที่ไม่เกี่ยวเนื่องด้วยเวลา

    กิจในอริยสัจ 4 (กิจญาณ) คือ หน้าที่ที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ

    1. ทุกข์ คือ ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) หน้าที่คือ “ปริญญา” ควรรอบรู้ เข้าใจ ยอมรับมัน

    2. สมุทัย คือ ตัณหา หน้าที่คือ “ปหานะ” ควรละ กำจัด ขว้างทิ้ง ไม่ถือเอา

    3. นิโรธ คือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ หน้าที่คือ “สัจฉิกิริยา” ควรทำให้แจ้ง

    4. มรรค คือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ หน้าที่คือ “ภาวนา” ควรเจริญ พัฒนา ทำให้มาก

    การแยกแยะสิ่งต่างๆ ตามหลักอริยสัจ 4 คือ เมื่อเราเจอสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเรา ให้เรารู้จักแยกแยะสิ่งนั้นก่อนว่าคืออะไรในอริยสัจ 4 เมื่อแยกแยะแล้วก็ทำกิจให้ถูกต้อง กระบวนการแยกแยะนี้ เมื่อทำให้เกิดขึ้นได้อยู่บ่อยๆ จะทำให้เกิดญาณหยั่งรู้หรือญาณทัสสนะ (สัจจญาณ, กิจจญาณ, กตญาณ)


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    55 mins
  • ธรรมเพื่อการพัฒนาตนเอง [6725-3d]
    Jun 18 2024

    ภาวนา คือ การพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นทุกด้าน คนเราต้องมีการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า ให้เจริญงอกงาม หมวดธรรมะที่จะสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาตนเองที่จะนำมากล่าวในที่นี้ได้แก่

    วุฑฒิธรรม 4 : ธรรมเป็นเครื่องเจริญงอกงามแห่งปัญญา 4 ประการ

    1.สัปปุริสังเสวะ: การคบหาสัตบุรุษ

    2.สัทธัมมัสสวนะ: ฟังสัทธรรม,เอาใจใส่เล่าเรียน

    3.โยนิโสมนสิการ: การทำในใจโดยแยบคาย

    4.ธัมมานุธัมมปฏิบัติ: ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

    วัฒนมุข 6 ธรรมอันเป็นประตูแห่งประโยชน์ที่จะเปิดออกไปให้ก้าวหน้าสู่ความเจริญงอกงามของชีวิต ที่พระพุทธเจ้าได้เคยกล่าวไว้ในครั้งที่เป็นโพธิสัตว์ ได้แก่

    1.อาโรคยะ : ความไม่มีโรค

    2.ศีล : ความมีระเบียบวินัย

    3.พุทธานุมัต : ศึกษาแนวทางแบบอย่างจากผู้เป็นบัณฑิต

    4.สุตะ : การใฝ่ฟังศึกษาหาความรู้

    5.ธรรมานุวัติ : การดำเนินชีวิตในทางชอบธรรม

    6.อลีนตา : ความเพียรพยายามไม่ย่อหย่อน

    อธิษฐานธรรม 4 คือ ธรรมเป็นฐานที่มั่นคงของบุคคล เป็นธรรมที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จสูงสุดที่หมายไว้ได้ ได้แก่

    1.ปัญญา : หยั่งรู้ชัดในเหตุผล

    2.สัจจะ : พูดอย่างไรทำอย่างนั้น

    3.จาคะ : การสละความไม่ดีออก

    4.อุปสมะ: ความสงบ

    ธรรม 3 หมวดนี้เป็นธรรมที่เป็นไปในแนวเดียวกัน ที่เมื่อได้นำไปประพฤติปฏิบัติแล้วก็จะเกิดการพัฒนา ก้าวหน้า และนำไปสู่ความเจริญงอกงามในชีวิตได้


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    57 mins
  • อปริหานิยธรรม : ธรรมะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม [6724-3d]
    Jun 11 2024

    อปริหานิยธรรม คือธรรมะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม เป็นธรรมที่อาศัยการรักษาเหตุปัจจัยแห่งความไม่เสื่อมและเหตุปัจจัยแห่งความเจริญ โดยแบ่งเป็นหลายนัยยะได้แก่

    นัยยะแรก

    1. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์

    2. พร้อมเพรียงกันประชุม

    3. ศึกษาและไม่ล้มล้างสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้

    4. เคารพภิกษุผู้เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปริณายก

    5. ไม่ลุอำนาจตัณหาคือความอยากที่เกิดขึ้น

    6. ยินดีในเสนาสนะป่า

    7. ตั้งสติระลึกไว้ในใจว่า เพื่อนพรหมจารีทั้งหลายผู้มีศีลงาม ซึ่งยังไม่มา ขอให้มา ที่มาแล้ว ขอให้อยู่ผาสุก

    นัยยะที่ 2 คือคุณธรรมในตนเองจะเจริญขึ้นหรือถอยลงด้วย 7 ประการนี้ คือ ไม่ยินดีการงาน ไม่ยินดีการคุย ไม่ยินดีความหลับ ไม่ยินดีการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ไม่เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ไม่คบมิตรชั่ว ไม่ถึงความท้อถอยในระหว่างที่บรรลุคุณวิเศษเพียงเล็กน้อย

    นัยยะที่ 3 อริยะทรัพย์ 7 ประการได้แก่ เป็นผู้มีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีหิริ เป็นผู้มีโอตตัปปะ เป็นพหุสูต ปรารภความเพียร เป็นผู้มีสติ เป็นผู้มีปัญญา

    นัยยะที่ 4 เจริญโพชฌงค์ 7ได้แก่ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์

    นัยยะที่ 5 เจริญสัญญา 7 ประการ ได้แก่ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา จวิราคสัญญา นิโรธสัญญา

    นัยยะที่ 6 คือเจริญสาราณียธรรม 6 ประการ

    นี่คือนัยยะต่างๆของ อปริหานิยธรรม ถ้าเรามีเหตุเงื่อนไขปัจจัยเหล่านี้แล้ว จะมีแต่ความเจริญฝ่ายเดียว ความเสื่อมจะไม่ปรากฎขึ้นเลย


    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show more Show less
    59 mins